ตรังเป็นจังหวัดหนึ่งของภาคใต้ทางฝั่งทะเลด้านตะวันตก ด้วยที่ตั้งที่อยู่เกือบกึ่งกลางของคาบสมุทรมลายู เหมาะสมต่อการเป็นเมืองท่าปากประตูเปิดรับอารยธรรมและความสัมพันธ์กับต่างแดน นักเดินเรือโบราณจึงเลือกใช้เป็นที่ข้ามไปสู่ฝั่งตะวันออกซึ่งเป็นที่ตั้งอาณาจักรสำคัญของภาคใต้ เช่น ศรีวิชัย นครศรีธรรมราช ความรุ่งเรืองของอาณาจักรเหล่านี้ ส่วนหนึ่งผ่านมาทางดินแดนตรัง ปัจจุบันจังหวัดตรังยังคงความเป็นเมืองท่าสำคัญ และเป็นจังหวัดเดียวด้านฝั่งทะเลตะวันตกที่มีทางรถไฟเชื่อมการคมนาคมขนส่ง
ความเป็นเมืองท่าทำให้ตรังเป็นที่รวมของผู้คนต่างเชื้อชาติ ศาสนา และความเชื่อบวกกับสภาพธรรมชาติอันครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งทิวเขาสูง แม่น้ำ ชายฝั่งทะเลและเกาะใหญ่น้อย หล่อหลอมวิถีชีวิตชาวตรังให้เกิดความหลากหลายทางประเพณีวัฒนธรรมแต่สามารถอยู่กันได้อย่างสันติ ด้วยภูมิปัญญาและความเชื่ออันสั่งสมมาแต่บรรพบุรุษ เอกลักษณ์สำคัญปรากฏในคำขวัญประจำจังหวัด "ชาวตรังใจกว้าง สร้างแต่ความดี" เรียกได้ว่าธรรมชาติและสังคมได้สร้างให้ตรังเป็นจังหวัดที่โดดเด่นและมีเสน่ห์ในตัวเอง เสมือนหนึ่งอัญมณีทอแสงเจิดจ้าอยู่ทางชายฝั่งทะเลอันดามัน
ความเป็นเมืองท่าทำให้ตรังเป็นที่รวมของผู้คนต่างเชื้อชาติ ศาสนา และความเชื่อบวกกับสภาพธรรมชาติอันครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งทิวเขาสูง แม่น้ำ ชายฝั่งทะเลและเกาะใหญ่น้อย หล่อหลอมวิถีชีวิตชาวตรังให้เกิดความหลากหลายทางประเพณีวัฒนธรรมแต่สามารถอยู่กันได้อย่างสันติ ด้วยภูมิปัญญาและความเชื่ออันสั่งสมมาแต่บรรพบุรุษ เอกลักษณ์สำคัญปรากฏในคำขวัญประจำจังหวัด "ชาวตรังใจกว้าง สร้างแต่ความดี" เรียกได้ว่าธรรมชาติและสังคมได้สร้างให้ตรังเป็นจังหวัดที่โดดเด่นและมีเสน่ห์ในตัวเอง เสมือนหนึ่งอัญมณีทอแสงเจิดจ้าอยู่ทางชายฝั่งทะเลอันดามัน
สภาพภูมิศาสตร์
จังหวัดตรังเป็นจังหวัดขนาดเล็ก มีพื้นที่ ๔,๙๔๑.๕๑๙ ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ
๓,๐๘๘,๓๙๙.๓๐ไร่ แบ่งเขตการปกครองเป็น ๙ อำเภอ ๑ กิ่งอำเภอ
๓,๐๘๘,๓๙๙.๓๐ไร่ แบ่งเขตการปกครองเป็น ๙ อำเภอ ๑ กิ่งอำเภอ
ที่ตั้ง
จังหวัดตรังตั้งอยู่ระหว่างละติจูดที่ ๗ องศา ๔ ลิปดาเหนือ ถึง ๘ องศาเหนือและลองติจูด ๙๙ องศา ๑๕ ลิปดาตะวันออก ถึง ๑๐๐ องศา ๒ ลิปดาตะวันออก มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดต่างๆ ดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดนครศรีธรรมราช
ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดสตูล
ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดพัทลุง
ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดกระบี่ และทะเลอันดามัน
โครงสร้างและพื้นที่
ภาพจาก http://www.novabizz.com/Map/70.htm
ทิวเขานครศรีธรรมราชเกิดจากการดันตัวของหินอัคนีขึ้นมาแข็งตัวอยู่ภายใต้เปลือกโลก ขณะดันตัวขึ้นมาทำให้เกิดการผลักดันให้หินเก่าๆ ซึ่งช้อนวางอยู่ก่อนโผล่ออกมาให้เห็นชัดเจนจนเป็นที่น่าสังเกตคือหินปูน ซึ่งเป็นส่วนประกอบภูมิประเทศที่ค่อนข้างกว้างขวางของจังหวัดตรัง ปรากฏว่ามีเขาหินปูนโดดกระจายอยู่ในอำเภอเมือง อำเภอห้วยยอด อำเภอสิเกาและเกาะตามชายฝั่งทะเล เขาน้ำพรายเป็นเขาหินปูนที่มีอายุเก่าแก่หลายร้อยล้านปี อาจเป็นส่วนที่ถูกยกขึ้นมาพร้อมทิวเขานครศรีธรรมราช การดันตัวของทิวเขานครศรีธรรมราชยังนำเอาแร่ที่สำคัญทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะดีบุก วุลแฟรม และแร่อื่นๆ ที่พบในจังหวัดตรังขึ้นมาด้วย ส่วนลำน้ำสายสั้นๆในจังหวัดตรังล้วนมีต้นน้ำจากทิวเขานครศรีธรรมราช
การเกิดรอยเลื่อน (fault)ของเปลือกโลกในอดีต มีผลต่อธรณีสัณฐานของจังหวัดตรังและชายทะเลภาคใต้ฝั่งตะวันตก ทำให้ชายฝั่งทะเลบางแห่งทรุดตัวลง บางแห่งยกตัวขึ้น อิทธิพลของน้ำทะเลที่ท่วมพื้นที่และหดหายไปจากยุคควอเตอร์นารี(Quaternary) จนเมื่อประมาณกว่า ๑,๐๐๐ ปีที่ผ่านมา ระดับน้ำทะเลสูงกว่าปัจจุบันถึง ๔ เมตร และเมื่อประมาณ ๑๐๐ ปีนี้เอง พื้นที่ชายฝั่งทะเลในปัจจุบันของจังหวัดตรังเป็นท้องทะเลตื้น สังเกตได้จากซากหอยทะเลตามภูเขาหินปูน เช่น เขาปินะในอำเภอห้วยยอดระดับน้ำทะเลเดิมปรากฏตามรอยเว้าทะเล (sea notch) พื้นที่ราบหลายแห่งในจังหวัดตรังยังจมอยู่ใต้ระดับน้ำทะเล ปัจจุบันพื้นที่บางแห่งเป็นที่ลุ่มน้ำจืด บางแห่งเป็นที่ลุ่มน้ำกร่อย สังเกตได้จากบริเวณที่เป็นพรุมีต้นธูปฤาษีหรือต้นปรือขึ้น เช่น บ้านป่าเตียว บ้านบางเป้า ในอำเภอกันตัง บางแห่งเป็นป่าเสม็ดและหญ้าแข็งๆขึ้น เช่น บริเวณท่าอากาศยานตรัง และโรงเรียนวิเชียรมาตุ
ลักษณะภูมิประเทศ
สภาพพื้นที่ของจังหวัดตรังมีความหลากหลาย ซึ่ง ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ วิทยารัฐได้แบ่งเขตภูมิประเทศของจังหวัดตรังไว้เป็น ๔ เขต คือ เขตภูเขาและเชิงเขาเขตลอนลูกฟูกหินปูน เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำตรัง-ปะเหลียน และเขตชายฝั่งทะเลเขตภูมิประเทศนี้อาจเรียกเป็นภาษาถิ่นว่า เขา ควน ทุ่ง และเล
เขตภูเขาและเชิงเขา
เขตภูเขาและเชิงเขาของจังหวัดตรังเป็นส่วนหนึ่งของทิวเขานครศรีธรรมราช อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของจังหวัดตรัง ตลอดแนวทิวเขาที่ชาวตรังเรียกกันว่า เขาบรรทัด มียอดเขาสูงเกิน ๑๐๐๐ เมตรไม่กี่แห่ง ทิวเขานี้เกิดจากหินอัคนีดันตัวขึ้นมาในยุคครีเดเซียส (Cretaceous) เมื่อประมาณ ๑๒๐ ล้านปีมาแล้ว ตามแนวทิวเขาจะมีแร่ที่สำคัญ ได้แก่ ดีบุก วุลแฟรมตะกั่ว พลวง และเงิน ที่พบมากที่สุดคือ ดีบุก
เขตภูเขาและเชิงเขาหรือเขตตรังเขา ได้แก่ บริเวณด้านตะวันออกของอำเภอรัษฏา อำเภอห้วยยอด อำเภอเมือง อำเภอนาโยง อำเภอย่านตาขาว และอำเภอปะเหลียน เขตนี้เป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญที่สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่จังหวัดตรังตามแนวทิวเขาปกคลุมด้วยป่าดงดิบที่สมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่หล่อเลี้ยงพื้นที่จังหวัดตรัง ตรงเชิงเขามีการปลูกยางพารา ชุมชนของผู้คนในบริเวณนี้เรียกว่า หมู่เขา
เขตลอนลูกฟูกหินปูน
พื้นที่เขตลอนลูกฟูกเป็นที่ราบสลับเนิน ภาษาท้องถิ่นเรียกพื้นที่ลักษณะนี้ว่า ควน เป็นพื้นที่ถัดมาทางด้านทิศตะวันตกขนานกับเขตภูเขาและเชิงเขา บางแห่งมีภูเขาหินปูนโดดหรือกลุ่มภูเขาหินปูน เช่น เขาน้ำพราย เขาช้างหาย เขากอบ นอกจากนี้ยังมีที่ลุ่มเป็นหนองน้ำซึ่งเกิดจากหลุมยุบและหลุมจม (sinkhole and doline) บริเวณภูมิประเทศหินปูนนี้จะคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของอำเภอห้วยยอด ส่วนของอำเภอเมืองที่ต่อเนื่องกับอำเภอห้วยยอด บริเวณซึ่งเป็นที่ตั้งของเทศบาลเมืองตรังทั้งหมด รวมทั้งพื้นที่ด้านฝั่งตะวันตกของแม่น้ำตรังซึ่งมีลักษณะเป็นควน เช่น เขาจองจันทร์ ควนแคง ควนเม็ดจูน ในเขตอำเภอกันตังควนเหล่านี้มีความสูงไม่เกิน ๔๐๐ เมตร
เนื่องจากจังหวัดตรังมีความชื้นสูง จึงเกิดการสลายตัวของหินปูนเป็นส่วนใหญ่ ส่วนที่สลายของหินปูนจะเป็นสีแดงเข้ม บางส่วนเกิดปฏิกิริยาทางเคมีเกิดการรวมตัวของแร่เหล็ก อะลูมิเนียม และแมงกานีส จับตัวเป็นศิลาแลงหรือลูกรัง ด้วยเหตุนี้ดินในพื้นที่ลอนลูกฟูกส่วนใหญ่จึงมีสีแดงเข้มปะปนกับหินลูกรัง
การกระทำของน้ำใต้ดินต่อหินปูนยังมีต่อเนื่อง ดังชื่อของสถานที่หรือหมู่บ้านบางแห่งบ่งบอกถึงการกระทำของน้ำใต้ดินกับพื้นที่่ที่เป็นหินปูน เช่น น้ำพราย น้ำผุดน้ำพ่าน บางบริเวณมีการยุบจมเกิดเป็นหนองน้ำ เช่น ทะเลสองห้องในอำเภอห้วยยอด สระกะพังสุรินทร์ และหนองน้ำหลายแห่งในอำเภอเมือง การกระทำของน้ำใต้ดินที่กัดเซาะภูเขาหินปูนเป็นโพรงก่อให้เกิดถ้ำที่สวยงาม เช่น ถ้ำเล หรือถ้ำทะเลเขากอบ ถ้ำเขาพระวิเศษและถ้ำเขาช้างหาย ถ้ำเหล่านี้เป็นมรดกทางธรรมชาติและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดตรัง
พื้นที่เขตลอนลูกฟูกหรือควนของจังหวัดตรัง เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการตั้งถิ่นฐาน เนื่องจากระบายน้ำได้ดีจึงมีการตั้งชุมชนหลายแห่งที่มีความเจริญมาก่อน เช่น ควนธานีที่ตั้งเมืองเก่า ควนปริง ซึ่งเป็นชุมชนที่มีผู้คนอยู่หนาแน่น แม้แต่ที่ตั้งของตัวเมืองที่ทับเที่ยงก็อยู่บนพื้นที่ลอนลูกฟูก จึงไม่มีปัญหาเรื่องการระบายน้ำ พื้นที่บนควนส่วนมากเป็นสวนยางพาราและมีสวนผลไม้อยู่บ้าง ส่วนพื้นที่ราบระหว่างควนใช้ทำนาได้เป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนที่ยังชีพด้วยเรือกสวนไร่นา ชุมชนบริเวณนี้จึงนับได้ว่าเป็น หมู่ทุ่ง หรือ หมู่นา ต่อมามีบางส่วนพัฒนาเป็น หมู่ตลาด กลายเป็นเขต ตรังเมือง
เนื่องจากจังหวัดตรังมีความชื้นสูง จึงเกิดการสลายตัวของหินปูนเป็นส่วนใหญ่ ส่วนที่สลายของหินปูนจะเป็นสีแดงเข้ม บางส่วนเกิดปฏิกิริยาทางเคมีเกิดการรวมตัวของแร่เหล็ก อะลูมิเนียม และแมงกานีส จับตัวเป็นศิลาแลงหรือลูกรัง ด้วยเหตุนี้ดินในพื้นที่ลอนลูกฟูกส่วนใหญ่จึงมีสีแดงเข้มปะปนกับหินลูกรัง
การกระทำของน้ำใต้ดินต่อหินปูนยังมีต่อเนื่อง ดังชื่อของสถานที่หรือหมู่บ้านบางแห่งบ่งบอกถึงการกระทำของน้ำใต้ดินกับพื้นที่่ที่เป็นหินปูน เช่น น้ำพราย น้ำผุดน้ำพ่าน บางบริเวณมีการยุบจมเกิดเป็นหนองน้ำ เช่น ทะเลสองห้องในอำเภอห้วยยอด สระกะพังสุรินทร์ และหนองน้ำหลายแห่งในอำเภอเมือง การกระทำของน้ำใต้ดินที่กัดเซาะภูเขาหินปูนเป็นโพรงก่อให้เกิดถ้ำที่สวยงาม เช่น ถ้ำเล หรือถ้ำทะเลเขากอบ ถ้ำเขาพระวิเศษและถ้ำเขาช้างหาย ถ้ำเหล่านี้เป็นมรดกทางธรรมชาติและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดตรัง
พื้นที่เขตลอนลูกฟูกหรือควนของจังหวัดตรัง เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการตั้งถิ่นฐาน เนื่องจากระบายน้ำได้ดีจึงมีการตั้งชุมชนหลายแห่งที่มีความเจริญมาก่อน เช่น ควนธานีที่ตั้งเมืองเก่า ควนปริง ซึ่งเป็นชุมชนที่มีผู้คนอยู่หนาแน่น แม้แต่ที่ตั้งของตัวเมืองที่ทับเที่ยงก็อยู่บนพื้นที่ลอนลูกฟูก จึงไม่มีปัญหาเรื่องการระบายน้ำ พื้นที่บนควนส่วนมากเป็นสวนยางพาราและมีสวนผลไม้อยู่บ้าง ส่วนพื้นที่ราบระหว่างควนใช้ทำนาได้เป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนที่ยังชีพด้วยเรือกสวนไร่นา ชุมชนบริเวณนี้จึงนับได้ว่าเป็น หมู่ทุ่ง หรือ หมู่นา ต่อมามีบางส่วนพัฒนาเป็น หมู่ตลาด กลายเป็นเขต ตรังเมือง
เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำตรัง-ปะเหลียน
ที่ราบลุ่มแม่น้ำตรัง-ปะเหลียน คือพื้นที่บริเวณสองข้างฝั่งแม่น้ำตรังและแม่น้ำปะเหลียน เป็นที่ราบอยู่บริเวณตอนกลางค่อนไปทางด้านทิศตะวันออกของจังหวัดตรัง พื้นที่ส่วนใหญ่บริเวณนี้เป็นที่ราบภาษาท้องถิ่นเรียกว่า ทุ่ง บางครั้งเรียกว่า นา เนื่องจากส่วนใหญ่มีการใช้ประโยชน์จากที่ดินบริเวณนี้สำหรับทำนา ชื่อหมู่บ้านจึงมีคำว่า นา เป็นส่วนมาก เช่น นาท่าม นาแขก นาโต๊ะหมิง นาพละ นาหมื่นศรี นาโยง นางาม นาข้าวเสีย นาบินหลา ฯลฯ
แม่น้ำตรัง เป็นแม่น้ำสายสำคัญของจังหวัดตรัง มีความยาวประมาณ ๑๗๕ กิโลเมตร ต้นแม่น้ำตรังมาจากเขาหลวงซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทิวเขานครศรีธรรมราช ในบริเวณอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ชาวนครศรีธรรมราชเรียกแม่น้ำนี้ว่า แม่น้ำหลวง เมื่อไหลเข้าเขตจังหวัดตรัง ชาวตรังเรียกว่าแม่น้ำตรังเดิมใช้เป็นเส้นทางคมนาคมจากดินแดนภายในจังหวัดติดต่อไปยังทะเลที่ปากน้ำกันตัง กล่าวกันว่า สมัยโบราณสามารถเดินเรือไปได้ถึงทุ่งสงในช่วงที่ไหลผ่านอำเภอเมือง คนส่วนใหญ่จะเรียกว่าคลองท่าจีนเนื่องจากพ่อค้าวาณิชชาวจีนได้เดินเรือมาค้าขายและตั้งเป็นชุมชนใหญ่ริมแม่น้ำ ปัจจุบันยังมีชื่อบ้านท่าจีนริมฝั่งแม่น้ำตรัง
ที่ราบลุ่มแม่น้ำตรังเป็นบริเวณแคบๆพื้นที่เหมาะสมกับการทำนามีน้อยประกอบกับมีน้ำท่วมขังในระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคม แม้จะมีฝายทดน้ำเพื่อส่งน้ำไปยังพื้นที่นาและป้องกันน้ำท่วมแล้วก็ตาม แต่ผลผลิตข้าวยังไม่พอต่อการบริโภคภายในจังหวัด ต้องอาศัยซื้อข้าวจากจังหวัดใกล้เคียง เช่น จังหวัดพัทลุง นครศรีธรรมราช
ที่ราบลุ่มแม่น้ำตรังเป็นบริเวณแคบๆพื้นที่เหมาะสมกับการทำนามีน้อยประกอบกับมีน้ำท่วมขังในระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคม แม้จะมีฝายทดน้ำเพื่อส่งน้ำไปยังพื้นที่นาและป้องกันน้ำท่วมแล้วก็ตาม แต่ผลผลิตข้าวยังไม่พอต่อการบริโภคภายในจังหวัด ต้องอาศัยซื้อข้าวจากจังหวัดใกล้เคียง เช่น จังหวัดพัทลุง นครศรีธรรมราช
พื้นที่ของเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำตรัง อยู่ในอำเภอรัษฎาบางส่วน อำเภอห้วยยอดอำเภอวังวิเศษ อำเภอนาโยง อำเภอกันตัง ตอนใต้และตะวันออกของอำเภอเมือง ยกเว้นตอนกลางที่เป็นที่ตั้งชุมชมเทศบาลเมืองตรัง
แม่น้ำปะเหลียน เป็นแม่น้ำสายสั้นๆของจังหวัดตรังที่สำคัญสายหนึ่ง อยู่ทางด้านตะวันออกของแม่น้ำตรัง มีพื้นที่รับน้ำทั้งหมดอยู่ในจังหวัดตรัง ต้นน้ำเกิดจากเขาบรรทัดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทิวเขานครศรีธรรมราชไหลผ่านอำเภอย่านตาขาว อำเภอปะเหลียน ยาวประมาณ ๘๐ กิโลเมตร ลำน้ำนี้เป็นเส้นแบ่งเขตแดนอำเภอปะเหลียนและกิ่งอำเภอหาดสำราญกับอำเภอกันตัง ก่อนที่จะไหลออกสู่ทะเลที่บ้านปากปรนฝั่งกิ่งอำเภอหากสำราญและบ้านบางแรดฝั่งอำเภอกันตัง ก่อนที่จะไหลออกสู่ทะเลที่บ้านปากปรนฝั่งกิ่งอำเภอหาดสำราญและบ้านบางแรดฝั่งอำเภอกันตัง
ที่ราบลุ่มแม่น้ำปะเหลียนเป็นที่ราบแคบๆ สองข้างฝั่งแม่น้ำ อยู่ในบริเวณอำเภอย่านตาขาวและอำเภอปะเหลียน มีการใช้พื้นที่ทำนาอยู่บ้างแต่ไม่มากนัก
ที่ราบลุ่มแม่น้ำตรังและแม่น้ำปะเหลียนมีพื้นที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน วิถีชีวิตผู้คนจึงเป็นอย่างเดียวกันและไม่แตกต่างจากเขตลอนลูกฟูกมากนัก นั่นคือความเป็นหมู่ทุ่ง หรือ หมู่นา เนื่องจากใช้พื้นที่ส่วนใหญ่ทำนา แต่การทำนาส่วนใหญ่อาศัยน้ำฝนมากกว่าน้ำในแม่น้ำ
ที่ราบลุ่มแม่น้ำปะเหลียนเป็นที่ราบแคบๆ สองข้างฝั่งแม่น้ำ อยู่ในบริเวณอำเภอย่านตาขาวและอำเภอปะเหลียน มีการใช้พื้นที่ทำนาอยู่บ้างแต่ไม่มากนัก
ที่ราบลุ่มแม่น้ำตรังและแม่น้ำปะเหลียนมีพื้นที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน วิถีชีวิตผู้คนจึงเป็นอย่างเดียวกันและไม่แตกต่างจากเขตลอนลูกฟูกมากนัก นั่นคือความเป็นหมู่ทุ่ง หรือ หมู่นา เนื่องจากใช้พื้นที่ส่วนใหญ่ทำนา แต่การทำนาส่วนใหญ่อาศัยน้ำฝนมากกว่าน้ำในแม่น้ำ
แม่น้ำทั้งสองเป็นเส้นทางที่ชาวจีนอพยพส่วนหนึ่งใช้เดินเรือเข้ามาสู่เมืองตรัง เริ่มกิจการค้าขายแลกเปลี่ยนและในที่สุดก็ตั้งรกรากถาวร บริเวณที่ชาวจีนเลือกกลายศูนย์กลางการค้าและขยายกว้าง จนบางพื้นที่พัฒนาเป็นเขตเมืองตรัง กลุ่มคนในเขตนี้จึงนับเป็นหมู่ตลาด
เขตชายฝั่งทะเลและเกาะ ได้แก่ ชายฝั่งทางด้านทิศตะวันตกตลอดแนว ๑๑๙ กิโลเมตร เริ่มจากบ้านทุ่งแหลมไทร อำเภอสิเกา ลงไปทางทิศใต้ติดต่อกับชายฝั่งอำเภอกันตัง ข้ามปากแม่น้ำตรังและปากแม่น้ำปะเหลียนบริเวณกิ่งอำเภอหาดสำราญไปจนถึงแหลงหยงสตาร์ อำเภอปะเหลียน
ชายฝั่งทะเลจังหวัดตรังมีลักษณะที่หลากหลาย บางแห่งเป็นสันทรายหรือหาดทรายขนานกับชายฝั่ง เช่น ทางตอนเหนือของอำเภอสิเกา ตอนเหนือของอำเภอกันตังและกิ่งอำเภอหาดสำราญ ชายฝั่งบางแห่งเป็นโคลนตมที่เกิดจากแม่น้ำตรังและลำธารสายสั้นๆพัดพามา บางแห่งเป็นชะวากทะเล ซึ่งตื้นเขิน เป็นป่าเสม็ด และป่าโกงกาง เช่น บ้านฉางหลาง อำเภอสิเกา บ้านน้ำราบ บ้านเจ้าไหมในอำเภอกันตัง บ้านตะเสะ กิ่งอำเภอหาดสำราญ บ้านหยงสตาร์ อำเภอปะเหลียน บางแห่งเป็นที่ราบเกิดจากการตื้นเขินของทะเล เช่น ทุ่งหวัง (บริเวณท่าอากาศยานตรัง) ทุ่งค่าย ทุ่งยาว ในทะเล มีเกาะเล็กเกาะน้อยหลายแห่งที่มีศักยภาพในด้านการท่องเที่ยว เกาะขนาดใหญ่ที่สำคัญมี ๓ เกาะ ได้แก่ เกาะมุก เกาะลิบง และเกาะหมูหรือเกาะสุกร ชายฝั่งริมเกาะของบางเกาะ โดยเฉพาะเกาะสุกร มีทรายขาวเกือบเป็นควอตซ์ที่บริสุทธิ์ซึ่งมีประโยชน์ในการนำไปทำแก้วได้ ความสำคัญของเขตนี้ คือ มีชายฝั่งตื้นๆที่หญ้าทะเลเจริญงอกงาม เป็นบริเวณกว้าง และเป็นหนึ่งในจำนวนไม่กี่แห่งในโลกที่มีพะยูนอาศัยอยู่
กลุ่มคนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลและเกาะหรือเขตตรังเลเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับกลุ่มคนทางฝั่งตะวันตกตลอดแหลมมลายู เนื่องจากสามารถเดินเรือไปมาติดต่อกันได้ง่าย ส่วนใหญ่นับศาสนาอิสลามและประกอบอาชีพประมงแบบพื้นบ้าน ชุมชนกลุ่มนี้นับเป็นหมู่เล
ดินแอนติซอล (Entisol) เป็นดินใหม่ที่ไม่สามารถมองเห็นลักษณะของชั้นดินได้ชัดเจน
ลักษณะเป็นดินตะกอนน้ำพาและดินทรายละเอียด เหมาะแก่การทำนา จะพบในบริเวณที่ราบริมน้ำ
คือริมฝั่งแม่น้ำตรังและบริเวณป่าชายเลนทั่วไป
ดินอุลติซอล (Ultisol) เป็นดินที่มีอายุมาก ดินชั้นล่างมีการสะสมของอนุภาคของดินเหนียวและแร่ธาตุต่างๆที่ปะปนอยู่ ดินอันดับนี้มีการกระจายทั่วไปเกือบทุกพื้นที่ของจังหวัด
ป่าผสมบริเวณภูเขาหิน เป็นป่าโปร่งและไม้พุ่มบริเวณภูเขาหิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหินปูน ไม้ที่พบได้แก่ สลัดได จันทน์ผา เตยเขา ปรงเขา ปาล์ม รองเท้านารี ฯลฯ ป่าลักษณะนี้มีอยู่ทั่วไป ที่เป็นป่าผืนใหญ่ที่สุดคือที่เขาน้ำพราย อำเภอห้วยยอด
กลุ่มคนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลและเกาะหรือเขตตรังเลเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับกลุ่มคนทางฝั่งตะวันตกตลอดแหลมมลายู เนื่องจากสามารถเดินเรือไปมาติดต่อกันได้ง่าย ส่วนใหญ่นับศาสนาอิสลามและประกอบอาชีพประมงแบบพื้นบ้าน ชุมชนกลุ่มนี้นับเป็นหมู่เล
ทรัพยากร
จังหวัดตรังเป็นดินแดนที่อุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งดิน น้ำ
แร่ธาตุ ป่าไม้ ทะเล ชายฝั่ง รวมไปถึงบรรดาพืชพรรณและสัตว์ต่างๆ นับเป็นสมบัติส่วนรวมที่ชาวตรังจะต้องช่วยกันรักษาเพื่อให้มีคุณค่ายั่งยืนต่อไป
ดิน
ดิน
ที่ดินในจังหวัดตรังมีเนื้อที่ประมาณ ๓๐๘๘๙๙.๓๐ ไร่
กรมที่ดินได้จำแนกลักษณะของดินตามระบบอนุกรมวิธานดินเป็น ๑๐ อันดับ เฉพาะดินในจังหวัดตรังมี ๕ อันดับ ดังนี้
ดินอินเซบติซอล (Inceptisol) เป็นดินที่มีแร่ธาตุบางอย่างปะปนอยู่
เป็นดินเหนียวปนทรายเหมาะแก่การปลูกพืชไร่ คือดินทางตะวันออกบริเวณที่ราบเชิงเขาเขาบรรทัด
ดินสปอโดซอล (Spodosol) เป็นดินที่มีเนื้อดินทราย
มีฮิวมัส เหล็ก อลูมินัม ออกไซด์สะสมอยู่มาก เป็นดินคุณภาพต่ำ พบในบริเวณที่มีความชื้นสูง ฝนตกชุก มีแทรกอยู่ในอำเภอวังวิเศษและกิ่งอำเภอหาดสำราญ
ดินอัลฟิซอล (Alfisol) เป็นดินที่มีการสะสมของอะลูมิเนียมและเหล็กในเม็ดดิน มีคุณภาพต่ำ เหมาะแก่การทำไร่ ทำสวน
พบบริเวณที่ดอนในเขตอำเภอเมืองและอำเภอนาโยง
ดินอุลติซอล (Ultisol) เป็นดินที่มีอายุมาก ดินชั้นล่างมีการสะสมของอนุภาคของดินเหนียวและแร่ธาตุต่างๆที่ปะปนอยู่ ดินอันดับนี้มีการกระจายทั่วไปเกือบทุกพื้นที่ของจังหวัด
สรุปแล้วดินส่วนใหญ่ในจังหวัดตรังเป็นดินอุลติซอล
เนื้อดินเป็นดินร่วน
ปนดินเหนียว สามารถทำนา ทำสวนผลไม้ และทำไร่ได้ดี
พบทุกอำเภอในจังหวัดตรัง
ส่วนดินอันดับอื่นๆมีอยู่บ้าง
น้ำ
จังหวัดตรังมีฝนตกชุกเกือบตลอดปี ปริมาณน้ำฝนอยู่ในเกณฑ์สูง
จึงมีทรัพยากรน้ำบริบูรณ์
แหล่งน้ำที่สำคัญในจังหวัดตรังแบ่งเป็น ๓ ลักษณะ ได้แก่
แหล่งน้ำจืด
จังหวัดตรังมีแหล่งน้ำจืดที่สำคัญคือแม่น้ำตรังกับแม่น้ำปะเหลียนรวมทั้งคลองสาขา
แหล่งน้ำจืดที่เป็นคลองสำคัญรองลงมาจากแม่น้ำทั้ง ๒ ได้แก่ คลองกะลาเสใหญ่ อำเภอสิเกา คลองลิพัง คลองหลักขัน ในอำเภอปะเหลียน
นอกจากนี้ยังมีลำธาร ห้วย คลอง หนอง บึงต่างๆ อีกจำนวนนับร้อย ที่เป็นแหล่งน้ำใช้ในการดำรงชีวิตของชาวตรัง
แหล่งน้ำใต้ดิน แม้ว่าจังหวัดตรังจะมีฝนตกค่อนข้างชุกแต่สภาพทางธรณีสัณฐานที่เป็นหินทราย
หินปูน หินดินดาน และหินกรวด ทำให้มีปริมาณน้ำใต้ดินอยู่ในระดับต่ำ
บางบริเวณเป็นชั้นของหินแกรนิตทำให้ไม่สามารถขุดเจาะได้
คุณภาพน้ำโดยทั่วไปไม่ดีนัก เนื่องจากมีสารประกอบเหล็กผสมอยู่ บริเวณใกล้ชายฝั่งทะเล น้ำบาดาลจะมีรสกร่อย
แหล่งน้ำเค็ม เนื่องจากจังหวัดตรังอยู่ติดกับชายฝั่งทะเลตะวันตก
ซึ่งมีความยาวถึง ๑๑๙ กิโลเมตร จึงได้รับประโยชน์จากแหล่งน้ำเค็ม เช่น
เป็นแหล่งประมงที่สำคัญ เป็นเส้นทางคมนาคมเชื่อมระหว่างเกาะต่างๆของจังหวัดตรังและจังหวัดในฝั่งตะวันตกด้วยกัน เป็นเส้นทางการค้าระหว่างประเทศ
และเป็นแหล่งน้ำสำหรับการทำประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
ป่าไม้
ป่าไม้ของจังหวัดตรัง แยกประเภทตามลักษณะป่าได้ดังนี้
ป่าดงดิบ ป่าดงดิบในจังหวัดตรัง จัดเป็นป่าดงดิบชื้น
ส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณที่เป็นภูเขา หรือลาดเขาที่มีความชันมากกว่า ๓๐%
ซึ่งบริเวณดังกล่าวนี้ส่วนใหญ่อยู่ในแถบทิศตะวันออกของอำเภอนาโยง อำเภอห้วยยอด และอำเภอรัษฎา บริเวณป่าดังกล่าวนี้ มักมีฝนตกชุกมาก
ป่าชนิดนี้ประกอบด้วยต้นไม้ชนิดต่างๆที่ลำต้นสูงใหญ่ นอกจากนี้ยังมีพวกพันธุ์ไม้เลื้อยหนาแน่น
ภาพจาก http://bangkrod.blogspot.com/2011/10/blog-post_11.html
ป่าผสมบริเวณภูเขาหิน เป็นป่าโปร่งและไม้พุ่มบริเวณภูเขาหิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหินปูน ไม้ที่พบได้แก่ สลัดได จันทน์ผา เตยเขา ปรงเขา ปาล์ม รองเท้านารี ฯลฯ ป่าลักษณะนี้มีอยู่ทั่วไป ที่เป็นป่าผืนใหญ่ที่สุดคือที่เขาน้ำพราย อำเภอห้วยยอด
ภาพจาก http://www.bison2bi.com/trip/HinGub/HinGub.htm
ป่าพรุ เป็นป่าไม้ยืนต้นที่อยู่ในลุ่มน้ำท่วมขัง
ป่าชนิดนี้มีน้ำท่วมขังแฉะตลอดทั้งปี มีต้นไม้จำพวกจิก กระโดน อินทนิลน้ำ โสกน้ำ หว้า
ป่าสาคูก็ถือเป็นป่าพรุเช่นกัน ป่าพรุที่เป็นดินทรายจะมีต้นเสม็ดขึ้นอยู่ค่อนข้างหนาแน่นและมีต้นไม้ชนิดอื่นปะปนอยู่บ้าง ป่าพรุมีกระจัดจายอยู่เกือบทุกอำเภอ เช่น บริเวณทุ่งค่าย
อำเภอย่านตาขาว และบริเวณรอบนอกของเขตเทศบาลเมืองตรัง
ภาพจาก http://www.thaieditorial.com/ป่าไม่ผลัดใบ
ป่าชายหาด เป็นป่าโปร่ง มีเนื้อที่เล็กน้อย อยู่ตามชายทะเล
ต้นไม้ที่สำคัญ ได้แก่ สนทะเล หูกวางโพทะเล กระทิง ตีนเป็ดทะเล
มีต้นเตยและหญ้าต่างๆขึ้นอยู่เป็นไม้พื้นล่าง ป่าชายหาดที่สมบูรณ์เห็นได้ชัดในบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม หาดหยงลิง หาดยาว
ภาพจาก http://www.mnpic-trang.com/site2014/index.php/all-event/gallery-survey/37-57
ป่าชายเลน
เป็นป่าที่พบบริเวณหาดโคลนหรือหาดเลนริมทะเลที่มีน้ำทะเลท่วมถึง ซึ่งได้แก่บริเวณปากแม่น้ำลำคลองที่ไหลลงทะเล อยู่ในอำเภอสิเกา
อำเภอกันตัง อำเภอย่านตาขาว อำเภอปะเหลียน และกิ่งอำเภอสำราญ
ตามข้อมูลทรัพยากรธรณีจังหวัดตรัง ปี ๒๕๔๑ แบ่งแร่ธาตุในจังหวัดตรังตามชนิดของแร่
และกล่าวถึงแหล่งแร่ ดังนี้
แร่อโลหะ ที่มีอยู่ในจังหวัดตรัง ได้แก่
โคโลไมต์ ตำบลทุ่งค่าย อำเภอย่านตาขาว และที่ตำบลโคกสะบ้า อำเภอนาโยง
ดินขาว ตำบลนาโต๊ะหมิง อำเภอเมือง
โซเดียมเฟลสปาร์ ตำบลห้วยยอด ตำบลเขาปูน อำเภอห้วยยอด
ถ่านหิน ตำบลนาเกลือ อำเภอกันตัง และกระจาบอยู่ในอำเภอห้วยยอด
หินอ่อน ตำบลปากแจ่ม อำเภอห้วยยอด
แร่โลหะ ได้แก่ ดีบุก โคลัมไบต์ และแทนทาไลต์ ที่ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง ตำบลห้วยยอด ตำบลปากแจ่ม อำเภอห้วยยอด และตำบลหนองปรือ อำเภอรัษฎา
หินอุตสาหกรรม เป็นหินปูนเพื่อการก่อสร้าง มีพื้นที่ประกาศเป็นแหล่งหินอุตสาหกรรมในเขตจังหวัดตรัง ดังนี้ คือ เขาเทียมป่า อำเภอเมือง เขาจำปา เขาน้ำพราย เขาโคค่าย (บ้างเรียกเขาคูค่าย) ในอำเภอห้วยยอด เขาวังช้าง เขานาเหนือ และเขาโต๊ะล่วง อำเภอปะเหลียน เขาหน้าแดง อำเภอวังวิเศษ เขาลูกเล็กลูกใหญ่ อำเภอสิเกา และยังมีแหล่งหินอุตสาหกรรมสำรองอีก ๒ แหล่ง คือ เขาวังช้างกับเขาโต๊ะล่วง
ยางพารา เป็นพืชที่นำมาปลูกในจังหวัดตรังเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ต่อมากลายเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญที่ทำรายได้สูงสุดมาตลอด ในปี พ.ศ.๒๕๔๑มูลค่าผลผลิตยางพาราประมาณ ๕,๔๐๑ ล้านบาท จากพื้นที่ปลูก ๑,๒๕๐,๖๗๔ ไร่ คิดเป็นร้อยละ ๗๐.๙ ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมดในจังหวัด พื้นที่ปลูกมากที่สุดอยู่ในอำเภอปะเหลียน
ปาล์มน้ำมัน เป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งของจังหวัดตรัง ในปี พ.ศ.๒๕๔๑ มูลค่าผลผลิตประมาณ ๖๑ ล้านบาท ในพื้นที่เพาะปลูก ๖๑,๑๐๔ ไร่ คิดเป็นร้อยละ ๓.๔๑ ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมดในจังหวัด พื้นที่ที่ปลูกมากที่สุดอยู่ที่อำเภอสิเกา
ข้าว ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๖ - ๒๕๔๐ พื้นที่ปลูกข้าวในจังหวัดตรังมีแนวโน้มลดลงทุกปีมาเพิ่มขึ้นมากในปี พ.ศ.๒๕๔๑ การปลูกข้าวในจังหวัดส่วนใหญ่เป็นไปเพื่อใช้บริโภคในครัวเรือน มูลค่าผลผลิตประมาณ ๒๘๔ ล้านบาท พื้นที่ปลูกมีไม่มากนัก คือ ๑๐๓,๒๒๑ ไร่ คิดเป็นร้อยละ ๕.๗๙ ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด บริเวณที่ปลูกข้าวมากที่สุดคืออำเภอนาโยง
พืชอื่นๆ ปี พ.ศ.๒๕๔๑ ไม้ยืนต้น ได้แก่ มะพร้าว หมาก สะตอ พริกไทย กาแฟ ๒๘,๘๕๔ ไร่ มูลค่าประมาณ ๑๕๖ ล้านบาท ไม้ผล ๔๕,๐๕๑ ล้านบาท พืชไร่ พืชผัก ๑๔,๐๔๒ ไร่ มูลค่าประมาณ ๒๐๖ ล้านบาท รวมพื้นที่ปลูกทั้ง ๓ ชนิด ๘๗,๙๔๗ ไร่ คิดเป็นร้อยละ ๓.๓๒ และเป็นพืชอื่นๆ อีกร้อยละ ๑๗.๒๘ ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด
จังหวัดตรังมีอาณาเขตติดต่อกับทะเลอันดามัน ชายฝั่งมีความยาวประมาณ ๑๑๙ กิโลเมตร มีแนวหญ้าทะเล ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของพะยูนที่เกือบจะสูญพันธุ์ไปแล้ว แหล่งปะการังที่สวยงาม ตลอดจนแหล่งรังนกที่เปิดให้สัมปทานแล้ว แหล่งหอยปะและแหล่งหอยนางรมธรรมชาติขนาดใหญ่ มีป่าชายเลนที่ยังคงสภาพสมบูรณ์เป็นที่วางไข่และอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อนอย่างดี ทำให้ทะเลตรังได้ชื่อว่า เป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญอีกแหล่งหนึ่งของจังหวัด
และกล่าวถึงแหล่งแร่ ดังนี้
แร่อโลหะ ที่มีอยู่ในจังหวัดตรัง ได้แก่
โคโลไมต์ ตำบลทุ่งค่าย อำเภอย่านตาขาว และที่ตำบลโคกสะบ้า อำเภอนาโยง
ดินขาว ตำบลนาโต๊ะหมิง อำเภอเมือง
โซเดียมเฟลสปาร์ ตำบลห้วยยอด ตำบลเขาปูน อำเภอห้วยยอด
ถ่านหิน ตำบลนาเกลือ อำเภอกันตัง และกระจาบอยู่ในอำเภอห้วยยอด
หินอ่อน ตำบลปากแจ่ม อำเภอห้วยยอด
แร่โลหะ ได้แก่ ดีบุก โคลัมไบต์ และแทนทาไลต์ ที่ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง ตำบลห้วยยอด ตำบลปากแจ่ม อำเภอห้วยยอด และตำบลหนองปรือ อำเภอรัษฎา
หินอุตสาหกรรม เป็นหินปูนเพื่อการก่อสร้าง มีพื้นที่ประกาศเป็นแหล่งหินอุตสาหกรรมในเขตจังหวัดตรัง ดังนี้ คือ เขาเทียมป่า อำเภอเมือง เขาจำปา เขาน้ำพราย เขาโคค่าย (บ้างเรียกเขาคูค่าย) ในอำเภอห้วยยอด เขาวังช้าง เขานาเหนือ และเขาโต๊ะล่วง อำเภอปะเหลียน เขาหน้าแดง อำเภอวังวิเศษ เขาลูกเล็กลูกใหญ่ อำเภอสิเกา และยังมีแหล่งหินอุตสาหกรรมสำรองอีก ๒ แหล่ง คือ เขาวังช้างกับเขาโต๊ะล่วง
พืชเศรษฐกิจ
รายงานสถานการณ์การผลิตพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดตรังกล่าวว่าใน ปี พ.ศ.๒๕๔๑ จังหวัดตรังมีพื้นที่เพาะปลูก ๑,๗๘๑,๙๕๐ ไร่ และมีพืชเศรษฐกิจที่สำคัญดังต่อไปนี้ยางพารา เป็นพืชที่นำมาปลูกในจังหวัดตรังเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ต่อมากลายเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญที่ทำรายได้สูงสุดมาตลอด ในปี พ.ศ.๒๕๔๑มูลค่าผลผลิตยางพาราประมาณ ๕,๔๐๑ ล้านบาท จากพื้นที่ปลูก ๑,๒๕๐,๖๗๔ ไร่ คิดเป็นร้อยละ ๗๐.๙ ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมดในจังหวัด พื้นที่ปลูกมากที่สุดอยู่ในอำเภอปะเหลียน
ภาพจาก http://naikham.blogspot.com/2012/10/50.html
ภาพจาก http://fieldtrip.ipst.ac.th/intro_sub_content.php?content_id=20&content_folder_id=234
ข้าว ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๖ - ๒๕๔๐ พื้นที่ปลูกข้าวในจังหวัดตรังมีแนวโน้มลดลงทุกปีมาเพิ่มขึ้นมากในปี พ.ศ.๒๕๔๑ การปลูกข้าวในจังหวัดส่วนใหญ่เป็นไปเพื่อใช้บริโภคในครัวเรือน มูลค่าผลผลิตประมาณ ๒๘๔ ล้านบาท พื้นที่ปลูกมีไม่มากนัก คือ ๑๐๓,๒๒๑ ไร่ คิดเป็นร้อยละ ๕.๗๙ ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด บริเวณที่ปลูกข้าวมากที่สุดคืออำเภอนาโยง
ภาพจาก http://www.scgaf.com/?p=167
พืชอื่นๆ ปี พ.ศ.๒๕๔๑ ไม้ยืนต้น ได้แก่ มะพร้าว หมาก สะตอ พริกไทย กาแฟ ๒๘,๘๕๔ ไร่ มูลค่าประมาณ ๑๕๖ ล้านบาท ไม้ผล ๔๕,๐๕๑ ล้านบาท พืชไร่ พืชผัก ๑๔,๐๔๒ ไร่ มูลค่าประมาณ ๒๐๖ ล้านบาท รวมพื้นที่ปลูกทั้ง ๓ ชนิด ๘๗,๙๔๗ ไร่ คิดเป็นร้อยละ ๓.๓๒ และเป็นพืชอื่นๆ อีกร้อยละ ๑๗.๒๘ ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด
ทะเลและชายฝั่ง
ภาพจาก http://www-trang-variety.blogspot.com/2014_12_01_archive.html













